สวัสดีค่า สวัสดีค่ะ พบกับเปมิกาอีกแล้วเช่นเคยนะคะ
เอ๊.. ช่วงนี้แบรนด์ลายดอกๆ นี่ก็มีเยอะน้า แต่ก็มีแบรนด์หนึ่งแหละ
ที่โดดเด่น เตะตา มร๊ากก ค่ะ ซึ่งแบรนด์นั้นก็คือ
INGRID COSMATIC นี่เองค่า ..
โดยเจ้าแบรนด์นี้นำเข้านะคะยูว ต่างแดนจากโปแลนด์เลยทีเดียว (นางมาไกล)
ทางแบรนด์ส่งมาให้เปรมลอง 4 ชิ้นก็มีบรัช 2 สี ไฮไล๊ 1 และแป้งโปร่งแสง 1 ค่ะ
มาเริ่มในส่วนของน้องปัดแก้กันก่อนละเนาะ ชื่อเต็มของน้องบรัชนี่คือ
INGRID HD BRUSH นี่เองค่ะ ราคา 389 บาท ค่ะ
โดยเปรมได้มา 2 สี นั่นก็คือ เฉดสีส้ม (ด้านขวา) และ สีชมพู (ด้านซ้าย)
……
และการทำรีวิวครั้งนี้เราต้องรีบถ่ายเก็บไว้ก่อนที่จะใช้แบบจริงจังค่ะ
เพราะใช้นานๆ ไปลายดอกไม้มันจะหายไปนี่เอง ฮ่าๆ ><
ก็อย่างที่เปรมได้บอกข้างต้นเนาะ ทาง INGRID เป็นสินค้านำเข้าค่ะ
ฉล่งฉลากก็เป็นภาษาอังกฤษ ค่ะ ซึ่งกล่องข้างๆเหมือนกันทั้ง 2 สีค่ะ
ลำใยมาเยอะละ หม่ะๆ มาดูบรัชออนสีแรกกัน ..
INGRID HD BRUSH (10)
จากที่สืบมาบรัชออนตัวนี้ที่เข้ามาขายในไทยมี 3 เบอร์นะ คือ 10,11,12 ทำให้
เบอร์ 10 เป็นเบอร์แรกค่ะ แล้วนางเป็นเฉดสีส้ม (สีโปรดของเปรม) ที่ปัดยังไง
ก็รอด ไม่ตายค่ะ พกติดตัวไว้ตลอดเวลาวันไหนอยากได้พวงแก้มอวบอิ่ม
บรัชไม่ใช่ได้มาเปลือยๆนะคะ มีกล่องให้ค่ะ เพื่อความสวยงามและดูเลอค่านี่เอง
นางหนัก 3.5 G เองนะ ในรูปอาจจะใหญ่แต่จริงๆ ตลับเล็กๆ พกพาง่ายค่ะ
เอ๊ะๆ นางบอกว่าเป็น SATIN มันก็อารมกึ่งแมทกึ่งชิมเมอร์ค่ะ
Texter ขอเนื้อบรัชถ้าใช้กับมือแล้วติดมือค่อนข้างยากเลยแหละ
ต้องถูกหลายครั้งมากๆ เลยนะกว่าจะได้เม็ดสีแบบในรูป
แต่นี่ลองแบบนิ้วมือหน่ะสิไม่เห็นภาพ งั้นมารลองกับแปรงกัน
เมื่อมาลองกับแปรงแล้วเฉดสีก็ยังอ่อนเช่นเดิมค่ะ เนื้อบรัชออนไม่ฟุ้งค่ะ
ส่วนตัวเปรมคิดว่าถ้าไม่ติดมากเวลาปัดแก้มจะได้ลุ๊คที่อ่อนๆ ไสย ไสย แน่ๆ
ปล. เปรมได้กลิ่นน้ำหอมด้วยนะ หอมดีค่ะ (ใครแพ้เลี่ยงก็ดีค่ะ)
พุ่มใหญ่ทาไม่ออก เอาพุ่มเล็กพอดีสุด
จากที่ปัดกับหน้าเรียบร้อยแล้วสังเกตุได้เลยว่า บรัชสีส้มค่อนข้างกลืนกับผิว
แทบจะไม่เห็นสีส้มเท่าที่ควรเลย อันนี้บอกเลยทูเยอะมาก หนักมาก แต่ได้แค่นี้
เปรมว่าเหมาะกับสาวที่อยากได้ส้มเบาๆ ไม่ขวานฟ้า อันนี้เหมาะ
……
ความพึงพอใจ
ให้ 7/10 ค่ะ
ขอหักตรงมีส่วนผสมของน้ำหอมค่ะ เล็กไปและปัดไม่ติดหน้าค่ะ
INGRID HD BRUSH (11)
บรัชออนอีกสี ที่สาวๆ ควรพกติดตัวนะ บางทีแก้มเราอาจจะไม่ได้ส้มตลอด
เปลี่ยนแนวมาปัดสีชมพูบ้างไรงี้ หนุ่มๆ จะได้มารุมเราถ่ายรูปไรงี้ ><
ในส่วนของกล่องเหมือนข้อความข้างบนเลย สิ่งที่แตกต่างเลย หมายเลขจ้า
11 สีชมพูนะคะ ท่องไว้ๆ / ถ้าเบอร์ 10 สีส้มจ้า ><
Texter เม็ดสีชมพูก็ติดกับนิ้วมือค่อนข้างยากนะ ถูหลายๆรอบหน่อย
อย่างที่บอกนางเป็นเนื้อ SATIN ค่ะ ก็ไม่ได้แมทและก็ไม่ได้ชิมเมอร์สุด
เมื่อมาเทสกับแปรงแล้ว ก็ปัดหลายครั้งเหมือนกันกว่าจะจับเม็ดสีของบรัชออน
แต่ก็โอเคนะไม่เปรืองดีค่ะ เวลาปัดแก้มจะได้ไม่เป็น ขวานฟ้า!เนาะ
ปล. เปรมได้กลิ่นน้ำหอมด้วยนะ หอมดีค่ะ (ใครแพ้เลี่ยงก็ดีค่ะ)
ปัด ปัด และ ปัด
สีนี้ดีกว่าสีชมพูนิดหนึ่งค่ะ ปัดแล้วเห็นสีชมพูบ้าง อะไรบ้าง
อย่างที่เคยบอก ใครอยากคิดลองปัดแก้มแต่กลัวขวานฟ้า
ลองตัวนี้จะไม่ผิดหวังค่ะ
……
ความพึงพอใจ
ให้ 7/10 ค่ะ
ขอหักตรงมีส่วนผสมของน้ำหอมค่ะ เล็กไปและปัดไม่ติดหน้าค่ะ
งานแก้มเสร็จ มางาน(หนัง)หน้ากันดีกว่าค่ะ โดย 2 ชิ้นตบท้ายเนี่ยเป็นตัวชูโรง
ของทางแบรนด์เลยนะ ได้ยินแบรนด์ INGRID ปุ๊ปต้องแป้งโปร่งแสงและ
ไฮไลท๊ลายดอก ลูกโลกใหญ่ เบ้อเริ่มเทิ่ม ค่ะ
……
งั้นเปรมเริ่มจากแป้งโปร่งแสงก่อนละกันเนาะ
IngridTransparent Powder HD
แป้งที่เปรมชอบมากที่สุดในช่วงนี้เลยค่ะ เปรมมักจะหยิบตัวนี้มาในวันที่ใช้รองพื้น
และใช้แป้งตัวนี้เซตหน้าค่ะ ด้วยเนื้อแป้งที่ค่อนข้างเบาบางมาก และเป็นแป้ง
โปร่งแสงค่ะ เลยง่ายต่อการแต่งหน้า ได้ทุกสภาพผิวเลย
มาดูรอบๆ กล่องทั้ง 4 มุมกัน (ภาษาอังกฤษเพียบ) ไม่มีภาษาไทย
ของนำเข้าจ้าๆ ฮ่าๆ
สังเกตง่ายๆ แป้งโปร่งแสงกล่องจะเป็นสีขาวแมทๆ ค่ะ และมีดอกนิดหน่อย
และแป้งหนัก 25 G เลยนะ แต่ก็มาด้วยในราคา 690 บาท จ้า (แอบแพงนะ)
แต่ก็คุ้มค่าอยู่เปรมว่า ><
เมื่อเปรมมา Swatch กับนิ้วมือแล้ว อื้อหือ Texter ของแป้งตัวนี้ไม่ติดนิ้วมือเลยอะ
เคสหนักกว่าตัวบรัชออนข้างบนอีกแกร อันนี้ถูกหลายร้อยรอบมากค่ะ กว่าจะได้รูปนี้
และเมื่อลองกับแปรงปัดแป้งแล้วก็แนะนำอีก ถ้าอยากให้ติดขนแปรงได้ดี
ต้องเป็นแปรงขนแท้เท่านั้นนะ เนื้อแป้งจะเกาะ Texter ของแป้งได้ดีที่สุดค่ะ
ปล. แอบดอมมีส่วนผสมของน้ำหอมด้วย (ใครแพ้เลี่ยงเนาะ)
และ
มาดูก่อนหลังทากัน อย่างที่บอกไว้ตอนแรกค่ะ คุณสมบัติของมันเน้นเซตรองพื้นนะ
แต่ถ้าทาเดี่ยวๆ ไม่แนะนำอะ ทาได้แหละ แต่พึ่งคอนซีลรัวๆ เลยค่ะ ><
……
ความพึงพอใจ
ให้ 8/10 ค่ะ
ขอหักตรง Texter เนื้อแป้งค่ะ ต้องใช้แปรงเฉพาะ + น้ำหอมค่ะ
ตบท้ายด้วย Ingrid Shimmer Powder HD
ต้องขอบอกว่าเป็นแป้งชิมเมอร์ หรือที่เปรมเรียกว่าไฮไล๊ทนี่เองค่ะ ที่แบบ
เม็ดสีเลิศสุด เบาบางสุด ไม่เป็นคราบ(น้อย)ที่สุด ที่ใช้มาเลยค่ะ
สังเกตง่ายๆ กล่องจะเป็นวิบ วับๆ วาวๆ มองแล้วสะดุดว่า เหยแป้งชิมเมอร์นะคะ
ขนาดใหญ่สมราคา 690 บาท 25 G ค่ะ (แอบแพงนะแต่ตาม G)
เปรมพยายามไล่ Swatch สีกับนิ้วมามาทีละชิ้นๆ เนาะ
เปรมจะไม่พูดอะไรมาก ที่ถูกครั้งเดียวแล้วได้เม็ดสีแบบนี้เลยค่ะ คือแบบ
ดีงาม! ชอบ! เลิศ! คุ้มค่าแก่การตำมากๆเลยอะแกร ชั้นชอบๆ
เมื่อเปรมเอา แปรงมา Test แล้ว เนื้อแป้งติดกับแป้งทั้งหมดเลยค่ะ
ไม่ต้องเกี่ยวว่าจะเป็นแปรงขนแท้หรือขนเทียมนางติดหมดจ้า
ปล. แอบดอมมีส่วนผสมของน้ำหอมด้วย (ใครแพ้เลี่ยงเนาะ)
และ
เปรมทาแป้งชิมเมอร์ตัวนี้ในช่วง โหนกแก้ม สันจมูกและหน้าผากค่ะ
เพื่อเพิ่มความโกลว มันวาวให้หน้าดูมีมิติ (ไม่ถึงขั้นดิสโก้บอลนะคะ)
ให้หน้าเรามีชีวิตชีวาไม่แมทโบกปูนค่ะ ภาพรวมคือชอบสุด >M<
……
ความพึงพอใจ
ให้ 10/10 ค่ะ
ไม่หักค่ะชอบหมด ชอบจริงจัง Must Have เลยตัวนี้
ท้าย สุดๆ ก็มี Swatch เปรียบเทียบ 4 สีกันไปเลยว่าเป็นไงบ้าง
– บรัช 2 สี Swatch สีเห็ปานกลาง
– แป้งโปร่งแสงแทบไม่เห็นคร่ะ เบาบางจริง
– แป้งชิมเมอร์เนื้อแน่น ดีงาม ชอบสุด
……
หาซื้อได้ที่ไหนบ้าง
– เพจ INGRID THAIAND ได้เลยค่ะ
– ร้าน EVE AND BOY (สยามสแคว์)
– ร้าน Beautrium (ดิจิตอลเกตเวย์ค่ะ)
……
เป็นอย่างไรบ้างคะ เต็มอิ่มกับเครื่องสำอางทั้ง 4 ชิ้นนี้แล้วรึยังเอ่ย?
ชอบกันไหมนะ ส่วนตัวเปรมชอบแป้งชิมเมอร์สุดค่ะรองลงมาเป็น
แป้งโปร่งแสงค่ะ ที่หยิบใช้บ่อยๆ ส่วนบรัชออน นานๆ ที ค่ะ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังคิดจะสอยแบรนด์น้อง
INGRID COSMATIC นะคะ
สำหรับรีวิวนี้ขอลาไปก่อนค่ะ สวัสดี
#pemikaz